4 วิธี เลือกครีมทาฝ้าอย่างไร? ให้ปลอดภัยและเห็นผลจริง

เมืองไทยแดดแรงมาก ทำให้หลายคนต้องพบเจอกับปัญหาฝ้า กระ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ มีวิธีรักษาฝ้า กระ มากมายหลายรูปแบบ เช่น เลเซอร์ลดฝ้า ใช้สมุนไพรธรรมชาติในการรักษาฝ้า และอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือการใช้ครีมทาฝ้า หรือเซรั่มลดฝ้านั่นเอง


โดยปัจจุบัน มีครีมทาฝ้าหรือเซรั่มลดฝ้าให้เลือกใช้มากมายหลากหลายแบรนด์ แต่เราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าตัวไหนใช้แล้วเห็นผลจริง! ทั้งยังปลอดภัยต่อผิวหน้า

วันนี้ เมอร์ซี่ได้รวบรวม 4 วิธี ในการเลือกครีมทาฝ้าให้ปลอดภัย และสามารถแก้ปัญหาฝ้า กระ ได้อย่างตรงจุด มาฝากทุกคนกันค่ะ

1. ต้องระบุเลขที่จดแจ้ง หรือเลข อย. ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้

ก่อนตัดสินใจซื้อครีมทาฝ้าทุกครั้ง จะต้องตรวจสอบเลขอย. ที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัย ได้มาตรฐานการรับรองจาก อย. เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะตกเป็นเหยื่อของครีมเถื่อน ที่อาจทำให้หน้าพังได้

สามารถเช็คเลขอย. ของผลิตภัณฑ์ผ่านทางเว็บไซต์ของ อย. ได้โดยตรง หรือ คลิกที่นี่

2. ระบุส่วนผสมชัดเจน และไม่มีส่วนผสมของสารอันตราย

ฉลากของผลิตภัณฑ์ต้องระบุส่วนผสมที่ชัดเจน และไม่มีส่วนประกอบของสารต้องห้ามที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า เช่น

• สเตียรอยด์ (Steroid)
• ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
• ปรอท (Mercury)
• กรดวิตามินเอ (Vitamin A acid)
  

ถึงแม้สารพวกนี้จะช่วยให้ผิวขาวไว และมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุของฝ้า แต่ก็เห็นผลเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะเสี่ยงผิวพังยิ่งกว่าเดิม มักเกิดผื่นแพ้ หน้าบาง รอยไหม้ ทั้งยังเสี่ยงเกิดฝ้าถาวรและมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

3. มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยลดฝ้าได้จริง

ครีมทาฝ้าหรือเซรั่มรักษาฝ้าที่ดี ควรมีส่วนผสมมาจากสารสกัดธรรมชาติ เนื่องจากมีความปลอดภัย อ่อนโยน และเป็นมิตรต่อผิวมากกว่าการใช้สารเคมีสังเคราะห์

โดยสารสกัดเด่น ๆ ที่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมทาฝ้าหรือเซรั่มแก้ฝ้า มีดังนี้

• วิตามินซี เช่น 3-O-ethyl Ascorbic Acid เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรสูง มีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จีงช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้แลดูจางลง
• PHA (Polyhydroxy acids) เป็นกรดผลไม้ชนิดหนึ่ง ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ระคายเคืองน้อยกว่าสารผลัดเซลล์ผิวกลุ่ม AHA BHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า
• สารสกัดจากแพลงต์ตอน (Plankton extract) ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า
• น้ำมันทานตะวัน (Helianthus annuus seed oil) มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้นเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย ลดการเกิดจุดด่างดำ

4. ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้จริง

หากใครที่เป็นคนผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนนำมาใช้กับผิวหน้าจริง ๆ โดยมีวิธีการทดสอบ คือ ให้ทาครีมขนาดเท่าเหรียญ 10 บริเวณท้องแขน ข้อพับ หรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 10-15 นาที โดยให้ทาทั้งเช้า-เย็น ต่อเนื่อง 7-10 วัน หากเกิดผื่นแดง ตุ่มนูน หรือรู้สึกคัน แสดงว่าแพ้ครีมดังกล่าว จึงไม่ควรนำมาใช้


สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อครีมทาฝ้าหรือเซรั่มรักษาฝ้า อย่าลืมนำ 4 เทคนิคนี้ไปปรับใช้กันด้วยนะคะ เพื่อที่เราจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อผิวหน้า และคุ้มค่าต่อการเสียเงินมาใช้ นอกจากนี้ อาจหารีวิวเพิ่มเติมหรือปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจเลือกซื้อได้เช่นกัน

แก้ทุก Step ฝ้า ยับยั้งการเกิดฝ้าตั้งแต่ต้นตอ ด้วย “Merci Vitamin C Melasma & Dark Spot Serum” เซรั่มสูตรทาฝ้า ที่ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยจัดการฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างตรงจุด เห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์ ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติมากกว่า 10 ชนิด

เพียงหยดเซรั่ม 1-2 หยด ทาทั่วใบหน้าทั้งเช้าและก่อนหน้า ก็เตรียมบอกลาปัญหาฝ้ากวนใจไปได้เลย สนใจสั่งซื้อสินค้า คลิกที่นี่!

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก…

• สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
• โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
• miiskin